หลัง Covid-19 HR ต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง?

ในช่วงเวลาหลายเดือนมานี้ที่ Covid-19 ทำให้หลายๆ องค์กรต้องปรับตัวกันขนานใหญ่ ตัวบริษัทเองเริ่มมีการทำงานแบบนอกสถานที่กันมากขึ้น งานอีเว้นท์ต่างๆก็ถูกยกเลิกกันแทบหมด แผนการลาต่างๆที่ถูกวางไว้ วันหยุดต่างๆก็ถูกเลื่อนกันไปหมด นั่นหมายความว่างาน HR ก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย แน่นอนว่าตอนนี้หลายๆส่วนเริ่มกลับมาเป็นปกติ เราต่างรอการมาของวัคซีนที่จะช่วยให้สิ่งต่างๆกลับมาได้เป็นแบบเดิม แต่ทว่าการรอคอยวัคซีนนั้นต้องใช้เวลา ทำให้คาดเดาได้ยากว่าเมื่อไรโควิด-19 จึงจะจบ อย่างไรก็ดีจากสิ่งต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันทำให้เรามองเห็นเทรนด์ของการทำงาน HR ว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อสถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นปกติ จะมีอะไรบ้างลองมาดูกันเลยครับ

แล้ว HR ต้องปรับอะไรบ้าง?

การทำงานนอกสถานที่ที่มากขึ้น

ด้วยก่อนหน้านี้มีการให้พนักงานทำงานจากที่บ้านหรือ Work From Home กันมากขึ้นในหลายๆ งานวิจัยเริ่มชี้ให้เห็นว่าการทำงานนอกสถานที่นั้นก็มีผลดีต่อ Productivity ของพนักงานด้วยเช่นกัน เพราะว่าสามารถจะโฟกัสที่งานได้มากขึ้น และไม่โดนรบกวนจากเรื่องต่างๆ แน่นอนว่าในการทำงานพนักงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น การประสานงานกันแบบต่อหน้าเป็นสิ่งที่จำเป็นและขาดไม่ได้ แต่การทำงานจะเปลี่ยนรูปแบบในลักษณะผสมผสานกันมากขึ้น นั่นหมายความว่าบริษัทจะเปิดโอกาสให้พนักงานทำงานนอกสถานที่ได้มากขึ้น เช่นในหนึ่งอาทิตย์อาจจะมีหนึ่งวันให้สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ และ HR ก็จะต้องรับบทบาทในการจัดการเวลาเข้างานที่เกิดจากกรณีแบบนี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

กำหนด policy ในการลาป่วยใหม่

เนื่องจากว่าตัวไวรัส covid-19 เองนั้นสามารถแพร่เชื้อได้แม้ยังไม่แสดงอาการ แม้ว่าตอนนี้สถานการณ์ในประเทศเราจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก แต่เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ได้หายไป จึงยังควรต้องระมัดระวังอยู่เสมอ จากแต่ก่อนที่คนทำงานป่วยนิดหน่อยยังรู้สึกมาทำงานได้ แต่ ณ ตอนนี้ควรมีการกำหนดให้แน่ชัดเลยว่าถ้าป่วยมีอาการควรที่จะหยุดพักอยู่บ้าน และตัวพนักงานเองก็จะรู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมาทำงานเมื่อรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับอาการตนเอง และแม้ว่าพนักงานรู้สึกว่าเค้ายังสามารถทำงานได้ ทำงานไหว เค้าก็ยังสามารถทำงานได้ผ่านการ work from home แทน

เพิ่มเรื่องการประกันสุขภาพให้ครอบคลุม

โควิด-19 นั้นส่งผลอย่างมากกับสถานะการเงินของพนักงานในบริษัท และเมื่อพนักงานต้องกังวลกับเรื่องการเงินย่อมส่งผลโดยตรงกับประสิทธิภาพในการทำงาน HR จึงควรที่จะมาโฟกัสในเรื่องของการประกันที่ควรจะครอบคลุมไปถึงเรื่องของโควิด-19 (Covid-19) และนอกจากนั้นยังรวมไปถึงเมื่อต้องมีการกักตัวบริษัทจะสามารถมี policy ในการช่วยเหลือพนักงานได้อย่างไรบ้าง ทำให้พนักงานรู้สึกว่าไม่ตึงจนเกินไปและรู้สึกอยากให้ความร่วมมือในการทำงานและลางานอย่างมีเหตุผลอันสมควร

การจัดการกะการทำงาน

หลายๆองค์กร Covid-19 ส่งผลให้ต้องมีการทำ resizing องค์กรใหม่ ในบางบริษัทนั้นอาจจะเลือกยังไม่ลดพนักงานแต่มีการขอลดเงินเดือนและมีการให้ปรับลดกะการทำงานแทน ในฐานะ HR ทำให้ต้องเข้ามามีบทบาทในการจัดการกะพนักงาน และดูแลว่าพนักงานคนไหน ในส่วนไหนที่จะต้องมาทำงานวันไหน ซึ่งการจัดการกะการทำงานสำหรับพนักงานประจำและพนักงานจ้างรายวันก็จะมีความยุ่งยากแตกต่างกันไป เพราะส่งผลโดยตรงต่อการทำ payroll ด้วย ดังนั้นแล้วฝ่ายบุคล (HR) ควรจะมีระบบการจัดการกะที่ดีเพื่อให้งานที่ต้องทำต่อเนื่องเช่นการเช็คเวลาเข้าออกงาน การทำเงินเดือนไม่ยุ่งยากซับซ้อนกว่าที่ควรเป็น

ได้เวลาส่งเสริมเรื่องวัฒนธรรมองค์กร

แน่นอนว่าสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายบุคล (HR) ต้องปรับตัว แต่ในฐานะการบริหารทรัพยากรบุคคล เราต่างรู้ดีว่าอาจจะมีคนจำพวกนึงที่จะคอยอาศัยช่องโหว่ของสิ่งต่างๆเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์มากเพิ่มอีกนิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลาทำงานหรืออะไรก็ตาม แต่สิ่งต่างๆเหล่านั้นจะเกิดได้ยากมากขึ้นหากองค์กรมีวัฒนธรรมในการทำงานที่แข็งแกร่ง เพราะเมื่อมองไปรอบๆแล้วหากคนส่วนใหญ่เป็นตัวอย่างที่ดี ก็เป็นการยากที่จะทำตัวผ่าเหล่าออกไป

เทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญ

จากประเด็นที่เราได้ชี้ให้เห็นถึงจะพบว่าการทำงานจากเรื่องง่ายๆอย่างเช่นการเก็บเวลาเข้าออกงานที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องปวดหัวอะไรเลย กลับกลายมาเป็น task ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ดังนั้นแล้วการถือโอกาสเริ่มใช้โปรแกรม HR ในการช่วยบริหารงานบุคคล ย่อมส่งผลดีกับองค์กรในระยะยาว เพราะจะช่วยให้คุณจัดการงานต่างๆได้ดีขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเวลางานจากสถานที่ต่างๆกัน การทำเงินเดือนแบบ automation การกำหนดวันลาและลางานผ่านระบบต่างๆ ซึ่งล้วนทำให้ HR สามารถโฟกัสในงานบริหารคนได้มากขึ้น แทนที่จะต้องมาเสียเวลาในการทำ task ต่างๆในรูปแบบ manual นั่นเอง