employer can help improve work-life balance

Work-life balance สิ่งที่เหล่าพนักงานยุคใหม่ต่างคาดหวังในการทำงาน แต่หลายต่อหลายครั้งที่เส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงานกับชีวิตส่วนตัวกลับกลายเป็นว่าแยกออกจากกันไม่ได้ จากการศึกษาในหลายๆแห่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพนักงานจะรู้สึกผูกพันธ์กับองค์กรที่ให้ความใส่ใจกับเวลาส่วนตัวของพนักงานมากกว่า อีกทั้งยังรู้สึกพึงพอใจในการทำงานกับองค์กรเช่นนี้ เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเทรนด์ปัจจุบันบริษัทก็รับฟังพนักงานมากขึ้น หากบริษัทต้องการที่จะรักษาคนทำงานไว้ให้อยู่กับองค์กรนานๆ การให้ความสำคัญในเรื่อง work-life balance จึงเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ หากคุณยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร? ข่าวดีก็คือตัวบริษัทเองนั้นก็ช่วยจัดการด้านนี้ให้ดีขึ้นได้

Work-life balance คืออะไร?

work-life balance เป็นวลียอดฮิตที่เราได้ยินบ่อยๆมากในหมู่คนทำงาน เรียกได้ว่าแทบจะทุกที่เลยก็ว่าได้ ซึ่งอันที่จริงก็ไม่แปลกเท่าไร เพราะคำๆนี้มันมีเหตุผลในตัวมันเอง ซึ่งก็คือการทำให้เวลาการทำงานและเวลาในการใช้ชีวิตส่วนตัวสมดุลกันนั่นเอง โดยมากแล้วในทางทฤษฏีก็มักจะทำให้เกิดความสมดุลแบบ 50/50 แต่เอาเข้าจริงแล้วมันก็ไม่ได้ง่ายเช่นนั้น เพราะบ่อยครั้งที่การทำงานแม้ว่าจะเลิกงานแล้ว แต่ก็มีภาระที่เราอาจจะต้องคิดงานในเวลาพักผ่อน ทำให้สมดุลนั้นไม่เกิดนั่นเอง

ทำไม work-life balance ถึงสำคัญ?

การที่จะได้รับมาถึงความสมดุลนั้นก็เป็นอะไรที่ท้าทายมากๆ เพราะคนเราแต่ละคนก็มีความต้องการที่จะใช้เวลาในแง่มุมที่แตกต่างกัน แม้ว่าปัจจุบัน work-life balance จะมีการโปรโมทกันมากขึ้น แต่หลายๆที่ก็ยังคงไม่ได้ใส่ใจอย่างจริงจัง จนถึงกลับเกิดวลีเอาไปแซวกันขำๆแบบพ้องเสียงว่า work ไร้บาลานซ์แทน สุดท้ายเมื่อพนักงานรู้สึกว่าบริษัทไม่ให้ความใส่ใจ ไม่เห็นความสำคัญของการใช้เวลาส่วนตัว เมื่อนั้นจะเริ่มส่งผลลัพทธ์ต่อการทำงาน เกิดภาวะหมดไฟและไม่มีความสุข ดังนั้นการมี work-life balance ที่ดีนั้นนอกจากจะช่วยในเรื่องของความผูกพันธ์กับองค์กรโดยตรงแล้ว ยังช่วยในเรื่องของสุขภาพกายและใจของพนักงาน ทำให้ส่งผลในแง่บวกต่อประสิทธิภาพการทำงานและการใช้ชีวิต

5 วิธีที่บริษัทก็ช่วยเรื่อง work-life balance ได้

แล้วอะไรบ้างล่ะที่บริษัทสามารถช่วยให้ work-life balance ของพนักงานนั้นดีขึ้นได้ ลองพิจารณาทางเลือกต่างๆเหล่านี้ที่จะทำให้พนักงานมีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้นดู

ใจกว้างกับสิทธิ์การลา

โดยมากแล้วบริษัทในไทยนั้นมักจะให้วันลาพักร้อนแค่ขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่หากคุณอยากจะทำให้พนักงานรู้สึกดีกับองค์กรแล้วล่ะก็ อาจจะพิจารณาสิทธิ์การล่าที่มากกว่าค่าเฉลี่ยดู นอกจากเรื่องจำนวนวันที่ลาได้แล้วนั้นยังอาจพิจารณาแบบหลายๆองค์กรต่างชาติที่มีการนำเสนอในเรื่องของเงินอุดหนุนเพิ่มเติมให้พนักงานเอาไปใช้จ่ายในช่วงการลาพักร้อนด้วยก็ได้  ที่สำคัญก็คือไม่ว่าคุณจะให้วันลาพนักงานมากแค่ไหนก็ตามแต่หากองค์กรของคุณไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆ เมื่อพนักงานลางานต้องมีคำถามตามมามากมาย หรือแม้กระทั่งการทำให้กระบวนการลายุ่งยากซับซ้อน พนักงานของคุณจะรู้สึกได้ทันที และจะไม่แฮปปี้กับมันอย่างแน่นอน

เวลาเข้างานแบบยืดหยุ่น

อันที่จริงแล้วเวลาเข้างานแบบยืดหยุ่นดูเผินๆอาจจะเหมาะกับองค์กรอย่างแนวสตาร์ทอัพหรือบริษัทต่างชาติ แต่หากพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว การเข้างานแบบยืดหยุ่นเป็นอะไรที่เหมาะกับการทำงานในกรุงเทพมากๆ เพราะในชั่วโมงเร่งด่วนนั้น ทำให้ต้องเสียเวลาไปกับรถติดมากๆ สุดท้ายต้องเสียเวลาส่วนตัวไปฟรีๆกับท้องถนนวันละหลายๆชั่วโมงเลยทีเดียว ถ้าหากว่ารูปแบบการทำงานขององค์กรคุณนั้นสามารถรองรับความยืดหยุ่นตรงนี้ได้ ลองดูเวลาเข้างานที่อาจจะเข้าเช้าขึ้นและเลิกไวขึ้น หรือเข้าสายและเลิกสายหน่อยดูก็เป็นทางเลือกที่ดีทั้งคู่

วันลาสำหรับพ่อแม่มือใหม่

สำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่กำลังจะมีลูกนั้น แน่นอนว่าเวลาส่วนตัวในชีวิตจะหายไปอย่างมากมาย ตั้งแต่วันที่ลูกคลอดจนถึงในช่วงหลายเดือนแรก ในต่างประเทศนั้นในหลายๆนอกจากในเรื่องการลาคลอดบุตรแล้วยังมีโปรแกรมที่ช่วยในการสนับสนุนคุณแม่มือใหม่ในช่วงก่อนและหลังคลอด และยังมีการเพิ่มในส่วนวันลาแบบ maternity leave ที่มากขึ้น หรือแม้กระทั่งวันกลับมาทำงานที่ยืดหยุ่นให้เลือกกลับมาได้ตามความต้องการของทั้ง 2 ฝ่ายตามแต่ตกลง และแน่นอนว่าอย่าลืมคำนึงถึงสิทธิ์สำหรับคุณพ่อด้วย หลายๆบริษัทมักจะมองข้ามไป ซึ่งสิ่งต่างๆดังที่ได้กล่าวมาล้วนแล้วแต่ช่วยให้การปรับตัวของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ทำได้ง่ายขึ้นนั่นเอง

ทำงานจากที่ไหนก็ได้

การทำงานจากออฟฟิศทุกวันทำให้เกิดความซ้ำซากจำเจ และลดทอน productivity ได้ในบางครั้ง ลองกำหนดวันที่ให้พนักงานสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ดูบ้าง สิ่งนี้จะช่วยให้พนักงานของคุณมีความพึงพอใจมากขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้จากงานยังจะดีขึ้นอีกด้วย

แสดงให้เห็น

หลายต่อหลายครั้งที่บริษัทเน้นการโปรโมทเรื่อง work-life balance แต่ในทางปฏิบัติจริงไม่ให้ความใส่ใจ ผู้จัดการยังคงให้พนักงานทำงานเกินเวลา ใครกลับบ้านก่อนโดนเพ่งเล็ง วัฒนธรรมที่ดีนั้นต้องเริ่มจากระดับบนลงมา ผู้บริหารต้องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่อยากให้พนักงานมีความสุขในการทำงานกับองค์กรของเขา  ดังนั้นแล้วการทำให้ทั้งองค์กรเข้าใจในทิศทางเดียวกันจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ

ติดตามเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับ HR และการพัฒนาองค์กรได้ที่
Blog:       www.myempeo.com/blog 
Facebook:    www.facebook.com/myempeo
Youtube:     www.youtube.com/empeo


Tags

work life balance, work-life balance


You may also like

>